โรคไตป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
คนไทยป่วยเป็นโรคไตมากขึ้นทุกปี ปีละ 15% ยอดเยอะมาก แล้วก็สังเกตว่าคนอายุน้อยลงด้วยที่เป็นโรคไต ประมาณ 17% ก็จะประมาณ 8ล้านคนทั่วประเทศ เป็นอายุน้อยมันก็น่ากลัวเพราะเป็นวัยกำลังทำงาน เช่นอายุ35 เป็นผู้บริหารและผู้จัดการแล้วแต่ต้องไปล้างไต เป็นสัญญาณที่อันตรายสำหรับสังคมไทย
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคไต 90% มาจากพฤติกรรม โรคไตมาจากการที่รับประทานอาหาร กินเค็มมาก กินหวานมาก พอน้ำหนักตัวเยอะโรคไตจะมา และก็ยังจะเป็นเบาหวาน ความดันสูง เพราะว่ากินเค็มความดันจะขึ้น ความดันขึ้นซัก 10ปี ต่อมาเป็นโรคไตแล้ว จะพบได้บ่อยมาก บางครั้งเด็กอายุ 20กว่าเพิ่งจบมหาวิทยาลัยเป็นความดันสูงแล้วก็มี
โรคไตสามารถแบ่งได้เป็น 5ระยะ
ระยะที่1 ไตทำงาน 90% ขึ้นไป (คนปกติจะทำงาน 100%) จะไม่มีอาการไม่รู้เลย จะรู้ได้โดยการตรวจปัสสาวะ
ระยะที่2 ไตทำงาน60%-90% ระยะนี้ก็ยังไม่มีอาการอีกเหมือนกันต้องเจาะเลือดหรือตรวจปัสสาวะดู
ระยะที่3 ไตทำงาน30%-60% ระยะนี้อาจจะเริ่มมีอาการไตหายไปครึ่งหนึ่ง อาจจะอ่อนเพลีย ขาบวมเวลากินเค็ม ปัสสาวะแดง ปัสสาวะมีฟองมาก เริ่มคันตามตัว บางรายอาจจะเริ่มมีอาการโลหิตจาง ทำอะไรเหนื่อยเร็วหน้าซีด
ระยะที่4 ไตทำงาน15-30% จะมีอาการอ่อนเพลีย ผมร่วง คันตามตัว ผิวแห้ง ตัวบวม อันนี้จะเป็นอาการไตเริ่มจะวายแล้ว
ระยะที่5 เป็นระยะที่ไตอาการหนัก จะมีอาการกินข้าวไม่ค่อยได้ คลื่นไส้ อาเจียร น้ำท่วมปอด ขาบวม ปัสสาวะไม่ออก ระยะนี้ต้องไปโรงพยาบาล เพื่อทำการล้างไตแล้ว
โดยส่วนใหญ่คนไข้ที่มีอาการในระยะที่4 ถึงจะรู้ตัวแล้วเพิ่งจะได้เข้าไปรับการรักษา เพราะคนไทยไม่ค่อยได้ตรวจสุขภาพไม่ได้ตรวจปัสสาวะ พอมาถึงก็แก้ไม่ทันแล้วทำได้แค่รักษาไม่ให้เป็นมากกว่านี้ ในระยะที่1-4 แพทย์จะทำการรักษาโดยการประคับประคองไตส่วนที่เหลือไม่ให้เป็นมากกว่าเดิม ระยะที่5ก็ต้องทำการล้างไตแล้ว หรือถ้าอายุน้อยสามารถเปลี่ยนไตได้ ระหว่างที่ไม่ได้เปลี่ยนไตก็ต้องฟอกเลือดฟอกไตอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นในระยะที่5แล้ว ส่วนใหญ่ไตจะไม่กลับมาแล้ว ทำได้แค่รักษาไม่ให้มันเสื่อมไปมากกว่านี้ได้เท่านั้น
9วิธี ป้องกันโรคไต
- ถ้าหากมีโรคความดันโลหิตสูงอยู่แล้วนั้นควรควบคุมความดันให้เป็นปกติ อย่าคิดแค่ว่ามีความดันสูงแล้วกินยาแก้ปวดเดี๋ยวก็หาย เพราะภาวะดันโลหิตสูง เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เป็นสารพัดโรค หนึ่งในนั้นก็คือโรคไต
- ควบคุมเบาหวาน หากเป็นเบาหวานก็ต้องควบคุมน้ำตาล ผู้ที่เป็นเบาหวานมาหลายปีสามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนของอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะหลอดเลือดทั่วร่างกาย ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายลดลง ถ้าควบคุมเบาหวานไม่ดี ภาวะแทรกซ้อนของโรคต่างๆจะเกิดไวกว่าปกติโดยเฉลี่ย โรคไตจะเกิดตามหลังโรคเบาหวานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป
- ควบคุมอาหาร สำคัญมากๆ ลดอาหารเค็มเพื่อช่วยไม่ให้ไตทำงานหนัก ทั้งยังเป็นการควบคุมความดันอีกด้วย
- ลดอาหารที่มีไขมันสูง เพราะอาหารที่มีไขมันสูงทำให้เกิดโรคไตได้ง่ายมาก
- งดการสูบบุหรี่ นิโคตินมีผลต่อการทำงานของไต
- ดื่มน้ำเปล่าที่อุณหภูมิปกติมากๆ เพราะดีต่อสุขภาพแล้วยังเป็นการบำรุงไต ให้ทนทานต่อภาวะต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้
- หากโรคไตเกิดจากยาที่รับประทานต้องหยุดยาทันที
- ควบคุมยาที่มีผลกับไต เลี่ยงการกินยาที่เราไม่ทราบสรรพคุณ หรือว่ากินยาที่ไม่จำเป็นโดยเฉพาะยาแก้ปวด หรือยาสมุนไพรเป็นระยะเวลานานๆ
- หากทราบว่าตนเองมีความเสี่ยงควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อหาแนวทางในการรักษาต่อไป
สรุป การกินเค็มหรือกินเนื้อสัตว์เนื้อแดงมากเกินไปทำให้ไตทำงานหนักไตเสื่อมเร็ว และการกินยาที่มีพิษต่อไตไม่ควรซื้อยากินเอง(พวกยาสมุนไพร ยาบำรุง) ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ ในปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน แล้วก็ยังต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอควบคุมให้น้ำหนักไม่มากเกินไปให้พอดี ถ้าเราทำได้ไตเราจะแข็งแรงแน่นอน ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และที่สำคัญผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานและโรคความดันจะเกิดภาวะแทรกซ้อนกลับไตได้ง่ายมากๆ เพราะฉะนั้นควรต้องระวังมากกว่าปกติ